อร่อย ง่าย ! ราวกับนั่งกินไก่กับผู้พันแซนเดอร์ส

อร่อย ง่าย ! ราวกับนั่งกินไก่กับผู้พันแซนเดอร์ส

เป็นประจำทุกสุดสัปดาห์แบบนี้ พบกับคอลัมน์ Trend can do อีกเช่นเคย สัปดาห์นี้พบกับเหนียวไก่ของน้องไลล่า เอ้ย! ไม่ใช่ สัปดาห์นี้เราจะพาทุกคนไปทำไก่ทอดที่เหมือนนั่งกินในร้านเคเอฟซี จะยากง่าย อร่อยฟินสักแค่ไหน ไปดูกัน…

สิ่งที่ต้องเตรียม

1.น่องไก่ ปีกไก่ สะโพกไก่ หรืออกไก่ แล้วแต่ความชอบ

2.แป้งอเนกประสงค์ หรือแป้งสาลี

3.พริกไทยดำ

4.น้ำมันสำหรับทอดไก่ จะเป็นน้ำมันพืช น้ำมันหมู หรือน้ำมันถั่วลิสงก็แล้วแต่ความชอบ

5.เกลือ

6.ไข่ไก่

ขั้นตอนการทำ

1.นำไข่2-3 ฟอง แป้ง และนมมาตีผสมให้เข้ากันในถ้วย เตรียมไว้เพื่อนำไก่มาชุบ

ผสมทุกอย่างเข้ากัน

2.ผสมแป้ง เกลือ และพริกไทย ให้เข้ากัน เตรียมไว้เพื่อจะได้นำไก่มาชุบแป้ง

ผสมแป้ง

3.นำไก่ที่เตรียมไว้ลงไปชุบไข่ให้ทั่วๆ เพราะถ้าชุบไข่ไม่ติด แป้งก็จะไม่ติดเหมือนกัน

นำไก่มาชุบไข่

4.หลังจากชุบไข่แล้วก็นำมาชุบแป้งให้ทั่วๆ ใครชอบแป้งเยอะก็ชุบเยอะ ใครชอบแป้งน้อยก็ชุบน้อย แล้วแต่ความต้องการของคุณเอง

นำไข่มาชุบแป้ง

5.จากนั้นก็เอาไก่ลงทอดในกะทะ ค่อยๆจุ่มไก่ลงไป ถ้าน้ำมันเดือดก็ค่อยๆหย่อนไก่ลงไป หรือจะเอาไก่ใส่ตะแกรงแล้วค่อยๆหย่อนลงไปก็ได้เหมือนกัน

ทอดไก่ได้เลย

6.ดูให้ไก่พอดีกับน้ำมันและหม้อหรือกะทะที่ใช้ทอด ที่สำคัญต้องให้น้ำมันพอท่วมไก่ ใช้ไฟแรงปานกลาง ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที

นำไก่ขึ้นมาซับน้ำมันออก

7.เสร็จแล้วนำไก่ที่สุก เหลืองอร่าม กรอบ น่ากิน ตักไก่ขึ้นมาใส่ถาดที่รองกระดาษไว้ ซับน้ำมัน ทิ้งไว้สักแปปนึงแล้วค่อยเอาไปเสิร์ฟ แค่นี้คุณก็จะได้กินไก่ทอดที่เหมือนกับไก่ของผู้พันแซนเดอร์ส

เสร็จแล้ว น่ากินอ่าาา

[ABTM id=234]

หวยออกแล้วจ้า! ยูฟ่าส่ง’ร็อคคี่’เชิดดำเป่าเกมชี้ชะตาต่างดาว-เรือใบ

หวยออกแล้วจ้า! ยูฟ่าส่ง’ร็อคคี่’เชิดดำเป่าเกมชี้ชะตาต่างดาว-เรือใบ

ล่วงรู้กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว! สำหรับล่าสุดที่ทางสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือ”ยูฟ่า”ได้มีการออกมาประกาศอย่างเป็นทางการ ถึงผู้ตัดสินชี้ขาดในสนามที่จะลงทำหน้าที่ในเกมนัดชิงดำของเรือใบสีฟ้ากลางสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึงนี้

โดยหวยก็ออกไปที่ จานลูก้า ร็อคคี่ ผู้ตัดสินใจเครดิตดีชาวอิตาเลี่ยน ที่แน่นอนว่าจะมารับหน้าที่เป็นผู้ตัดสินใจ ในเกมนัดที่ซุปเปอร์บิ๊กแมตซ์ระหว่าง”เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลน่า ที่จะต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนของ”เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ผู้ตัดสินชาวฟอเรนซ์แห่งดินแดนเมืองพิซซ่าวัย 41 ปี ได้รับการอนุญาติจากทั้งสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) รวมไปถึงในภาคพื้นทวีปยุโรป (ยูฟ่า) ตั้งแต่ปี 2008 ในขณะที่เจ้าตัวรับหน้าที่หลักในการเป่าเกมในลีกกัลโช่ เซเรีย อา บ้านเกิดเป็นหลัก

โดยผลงานที่เด่นชัดของจานลูก้า ร็อคคี่ ที่เหล่าแฟนบอล”เดอร์ บลูมูนส์”น่าจะจำกันได้เป็นอย่างดี นั้นก็คือการที่เจ้าตัวเคยลงทำหน้าที่ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกช่วงปี 2012 ซึ่งเป็นเกมที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้เปิดบ้านของตัวเองรับการมาเยือนของ”ราชันชุดขาว”เรอัล มาดริด ก่อนผลสกอร์จะจบลงด้วยการเสมอกันไปที่ 1-1

ที่มา : sportsmole.co.uk
เครดิต : http://www.bluemoon-mcfc.in.th

[ABTM id=234]

สุดยอดนวัตกรรมโซลาร์เซลล์โปร่งใส อาจเปลี่ยนทั้งอาคารเป็นเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้าได้

สุดยอดนวัตกรรมโซลาร์เซลล์โปร่งใส อาจเปลี่ยนทั้งอาคารเป็นเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้าได้

 

Joined: 23.04.2011

ตั้งกระทู้: 1677

สุดยอดนวัตกรรมโซลาร์เซลล์โปร่งใส อาจเปลี่ยนทั้งอาคารเป็นเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้าได้


จะยอดเยี่ยมแค่ไหน ถ้าอาคารบ้านเรือนทั้งหลัง หรือแม้กระทั่งเครื่องบินที่รองรับแสงแดดทั้งวันนั้นสามารถกลายเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าได้

นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์ด้านโฟตอนิกส์(Institute of Photonic Sciences -ICFO)หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านการสร้างและควบคุมแสง ได้พัฒนาเซลล์แสงอาทิตย์อินทรีย์ที่มีการเพิ่มระดับความโปร่งใส สามารถแปลงแสงอาทิตย์เป็นกำลังไฟฟ้า และนำไปประยุกต์ใช้ได้ทั้งตึกอาคารเพื่อเป็นเครื่องกำเนิดพลังงานได้

ทั้งนี้ เซลล์แสงอาทิตย์อินทรีย์ที่ค้นพบนั้น  ยังไม่สามารถใช้ได้กับซิลิคอนของแผงโซลาร์เซลล์ที่ใช้ในพาณิชย์ ด้วยข้อจำกัดของการจัดวางและขนาด แต่การค้นพบของ “ICFO” ก็ได้เปิดช่องทางของอุตสาหกรรมอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้อาทิเช่นบนหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้

โดยการวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์วารสารโฟตอนิกส์ธรรมชาติ (Nature Photonics) ที่ไม่เพียงให้ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์โปร่งใสเท่านั้น แต่อาจเป็นเทคโนโลยีรุ่นใหม่ที่เข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมพลังงานก็เป็นได้

[ABTM id=234]

สื่อชี้เรือใบประชันผีแดง! แย่งตัว’ราคิติซ’จอมทัพโครแอตพ้นยานแม่

สื่อชี้เรือใบประชันผีแดง! แย่งตัว’ราคิติซ’จอมทัพโครแอตพ้นยานแม่

“ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำทัพโดยผู้จัดการทีมหลุยซ์ ฟาล กัล กำลังต้องเปิดศึกนอกสนามกับทีมของมานูเอล เปเยกรินี่ภายใต้”เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกครั้ง ในการแย่งชิงตัวอิวาน ราคิติซ ยอดมิดฟิลด์จอมคุมเกมของ”เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลน่ามาร่วมทีม ดีกรีทีมชาติโคเอเชียชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในถิ่นคัมป์นู ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังยอดทีมจากแคว้นคาตาลันตัดสินใจปล่อยตัวเชส ฟาเบรกัสออกไปให้กับ”สิงโตน้ำเงินคราม”เชลซี และเลือกที่จะคว้าตัวอิวาน ราคิติซ มาจากเซบีญ่า แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ดูจะล้มเหลวอย่างมากในการสร้างความประทับใจให้กับกุนซือหลุยซ์ เอ็นริเก้ และแฟนบอล ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสที่จะย้ายออกจากมายังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ในที่สุด

จากการรายงานของเดอร์ เดลี่ เอ็กซ์เพรช ชี้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของหลุยซ์ ฟาล กัล นั้นดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี สำหรับโอกาสในแย่งชิงตัวเควิน สตรูทมันด์ ร่วมกับเชลซีที่ดูจะเป็นไปได้ยากเต็มทน ทำให้กุนซือดัตซ์รายนี้เลือกที่จะให้ความสนใจมายังราคิติซมากกว่า และพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอเป็นเงินกว่า 20 ล้านปอนด์ให้กับบาร์เซโลน่า

ซึ่งตลอดซีซั่นที่ผ่านมา ราคิติซทำประตูให้กับบาร์เซโลน่าไปแล้วในฐานะแดนกลาง 4 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมดกว่า 20 ในฤดูกาลนี้ แต่ถึงกระนั้นในช่วงหลังที่ผ่านมาเจ้าตัวก็แทบจะเป็นตัวเลือกอันดับสองของหลุยซ์ เอ็นริเก้ในการเลือกมาใช้งานจริงๆในสนาม

ที่มา : sportsmole.co.uk
เครดิต : http://www.bluemoon-mcfc.in.th

[ABTM id=234]

สามปีของ พ่อมดดาวิด ซิลบา

สามปีของ พ่อมดดาวิด ซิลบา

 

ดาวิด ซิลบา ได้ลงสนามในฐานะนักเตะทีมเรือใบสีฟ้า เมื่อสามปีก่อนได้ค้าแข้ง

อยู่กับทีมจากสเปนบ้านเกิดของเค้าเองคือทีมวาเลนเซีย ซึ่งเป็นสังกัดเก่าของเค้า ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ในถิ่นเอติฮัต

นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่แมนเชสเตอร์ เขาก็ไม่ใช่ดาวิดคนเดิมอีกต่อไปเพราะเขาคือพ่อมดเมอร์ลินของสาวก

ชาวเรือใบที่ต่างตั้งตารอดูเวทมนตร์ที่เขาจะเสกในแต่ละนัด

เขาเป็นชาวคานารี่โดยกำเนิดและได้ย้ายออกจากวาเลนเซียในปี 2553 หลังจากที่ได้ครองถ้วยเวิร์ดคัพที่อัฟริกาใต้

ร่วมกับทีมชาติสเปน จากนั้นเขาก็เริ่มการผจญภัยในพรีเมียร์ ลีก

แต่สุดท้ายซิลวาก็รู้สึกว่าวงการลูกหนังในอังกฤษไม่เหมาะกับเขา โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับด้านรูปร่างและความทรหดอดทน

นี่เองที่ทำให้ซิลวาได้ตระหนักถึงความสามารถของตัวเอง เมื่อเขาได้บอลมาเมื่อไร เขาก็มักจะหาจังหวะเหมาะๆ

ยิงประตูหรือส่งต่อให้เพื่อนร่วมทีมทำประตู

 

ซิตี้ได้ปิดเกมการแข่งขันด้วยทัวร์นาเมนต์ที่ได้ครองแชมป์หลังจากเอาชนะสโต๊คและได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์

และยกระดับให้กับสโมสรด้วย ก่อนหน้านี้เขาเคยมีส่วนในการคว้าชัยในศึกโคป้า เรล รีย์ในปี 2553

หลังจากที่เคยครองเวิร์ด แชมป์เปี้ยนและยูโรเปี้ยน แชมป์

ฤดูกาลต่อมา ซิตี้ได้ครองแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกด้วยประตูชัยหลังจากนาทีสุดท้ายของอากูเอโร่ นี่ก็เป็นเครื่องแสดง

ให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของสโมสรในยุโรปได้เป็นอย่างดี

 

หลังจากที่ผิดหวังเมื่อฤดูกาลที่แล้วโดยไม่ได้ครองแชมป์ใดๆ ซิลวาก็ได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

หลักการของเปเยกรินี่เข้ากับเขาได้ดีมากและนี่เองที่ทำให้เขากลับมาเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมอีกครั้ง

นอกจากนี้ การมาของเพื่อนร่วมทีมชาติเช่น นาบาสและเนเกรโด และฆาร์บี การ์เซียที่มาร่วมทีมเมื่อปี 2555

ก็ได้ทำให้เขาเป็นนักเตะชั้นนำที่นำสไตล์แบบสเปนมาคลุกเคล้าให้ซิตี้ดุดันมากขึ้น

เขาเป็นผู้สานฝันให้เป็นจริงของชาวเรือใบด้วยการใช้เวทมนตร์แบบพ่อมดเมอร์ลิน.

เครดิต

http://mcfc.co.th/News/Team-news/2013/August/SP-Sliva-Feature

[ABTM id=234]

มันโช่สุดภูมิใจ! อ้างเปเยกรินี่โชคดีรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ของตนไปสานต่อ

มันโช่สุดภูมิใจ! อ้างเปเยกรินี่โชคดีรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ของตนไปสานต่อ

โรแบร์โต้ มันชินี่อดีตนายใหญ่”เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นกุนซือให้กับทีม”งูใหญ่”อินเตอร์ มิลาน ได้อ้างว่าทางมานูเอล เปเยกรินี่คือบุคคลที่มีความโชคดีไม่น้อย หลังจอมปรัชญาชาวชิลีรับและถ่ายทอดทีมของเขาไปดูแลแทน

จอมทำทีมชาวอิตาเลี่ยนเคยพาทีมเถลิงบัลลังก์สู่ความยิ่งใหญ่แบบเต็มรูปแบบ ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองได้ในรอบ 44 ปีของสโมสรในปี 2012 แต่ทว่าหลังจากนั้นเพียงหนึ่งปี หลังจากที่เจ้าตัวพาทีมล้มเหลวและไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆมาครองได้ เจ้าตัวก็ถูกทางบอร์ดบริหารตัดสินใจเชิญออกจากตำแหน่งทันทีในช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2013

“ผมคิดว่าเปเยกรินี่โชคดีแบบสุดๆเลยละ เพราะเขามีทีมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่ง และเขาก็มีโอกาสที่จะหยิบผู้เล่นที่ดีเยี่ยมเสริมเติมแต่งเข้าไปในทีม” มันโช่กล่าวกับสำนักข่าว CNN

“ผมคิดถึงพรีเมียร์ลีกจับใจเลยละ เพราะผมเคยทำงานที่นั่นเป็นเวลานานกว่าสามปีครึ่ง และผมสร้างทีมที่ปัจจุบันอยู่ในอันดับสองของลีก ผมคิดว่าตอนนี้พวกเขามีผู้เล่นที่ดูจะไม่แตกต่างไปจากเดิมเลย ซึ่งนั่นแหล่ะคือสิ่งที่ทำให้ผมภาคภูมิใจ”

ที่มา : sportsmole.co.uk
เครดิต : http://www.bluemoon-mcfc.in.th

 

พูดตรงๆเลย! เปเยกรินี่ยันชัดเลือกได้ขอไม่เจอบาร์ซ่าแน่นอน

พูดตรงๆเลย! เปเยกรินี่ยันชัดเลือกได้ขอไม่เจอบาร์ซ่าแน่นอน

มานูเอล เปเยกรินี่ กุนซือมาดเข้มของ”เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มหาอำนาจลูกหนังทีมของยุโรป ได้ออกมายอมรับว่าหากเลือกได้ถึงผลการจับฉลากรอบน็อกเอ้าส์เวทียุโรป พวกเขาก็เลือกที่จะไม่อยากเจอกับ”เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลน่า ทีมดังจากลาลีก้าสเปน

ผลงานจับฉลากรอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา สร้างเสียงฮือฮาให้กับแฟนฟุตบอลทั่วโลกไปโดยปริยาย ภายหลังแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ดูเหมือนจะไม่มีดวงในการจับฉลากทั้งรอบแบ่งกลุ่มและรอบลึกๆรายการใดๆ ต้องโคจรมาพบกับทีมอย่างบาร์เซโลน่าอีกครั้งเป็นปีที่สองติดต่อกัน แน่นอนว่าผลงานเมื่อซีซั่นที่แล้ว เปเยกรินี่ก็นำทีมเรือใบพ่ายให้กับยอดทีมจากแคว้นคาตาลุนญ่าไปด้วยสกอร์รวมกว่า 4-1 เลยทีเดียว

“มันเป็นผลการจับฉลากที่ยากยิ่งสำหรับเราอย่างแท้จริง ที่เราจะต้องพบกับอีกหนึ่งทีมที่ดีที่สุดในยุโรป บางทีพวกเขาเราทั้งสองทีมถ้าเลือกได้ก็คงเลือกที่จะเจอกับทีมอื่นๆ แต่เราต้องเล่นกับบาร์เซโลน่า และพวกเขาก็ต้องเล่นกับเรา มันจึงไม่ใช่ปัญหาอะไรอีกแล้ว” เปเยกรินี่กล่าว

“ผมเห็นเกมของบาร์ซ่าในการพบกับเกตาเฟ่ (เสมอแบบไร้สกอร์ 0-0) แต่จะว่าอย่างงั้นอย่างงี้ก็เถอะ พวกเขาในวันนี้จะไปเหมือนพวกเขาในอีกสองเดือนข้างหน้าได้ยังไง ทั้งเราและเขาจะต้องมีทีมที่แตกต่างอยู่แล้ว”

“มันเป็นการดีเสมอนั้นแหล่ะ ที่จะได้เล่นเกมเลกสองในบ้านของตังเอง แต่นั้นมันก็ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะมาตัดสินหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว”

ที่มา : manchestereveningnews.co.uk
เครดิต : http://www.bluemoon-mcfc.in.th

พออุ่นใจ! มิลเนอร์จ่อสลัดเดี้ยงหายทันลุ้นดวลต่างดาวที่คาตาลัน

พออุ่นใจ! มิลเนอร์จ่อสลัดเดี้ยงหายทันลุ้นดวลต่างดาวที่คาตาลัน

งานนี้อาจจะพอทำให้เหล่าสาวก”เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พอจะได้ชุ่มชื้นหัวใจขึ้นมาไม่มากก็น้อย หลังล่าสุดได้มีโอกาสทราบข่าวว่าทางเจมส์ มิลเนอร์กำลังที่สลัดอาการบาดเจ็บบริเวณเข่าของตัวเอง กลับมาลงสนามช่วยต้นสังกัดได้อีกครั้งในเกมพบกับบาร์เซโลน่าเลกสองในช่วงค่ำคืนวันนี้

แข้งดีกรีทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล ต้องนั่งดูเพื่อนเล่น ในเกมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปโดนเบิร์นสลี่ย์ยัดเยียดความปราชัยที่สกอร์ 1-0 แต่ถึงกระนั้นก็มีการคาดกันว่าทางมิลเนอร์น่าจะได้มีส่วนร่วมเดินทางร่วมทริปมากับทีมสู่แผ่นดินกระทิงดุ

ซึ่งนอกเหนือจากนั้นแล้วเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดตัดสินชะตาที่พวกเขาพ่ายทีมดังแห่งคาตาลันมาก่อน 2-1 ในเกมเลกแรกในบ้านของตัวเอง ซึ่งในวันนี้แมนฯซิตี้เองก็ไม่สามารถใช้งานกาเอล กลิชี่ฟูลแบ็กมือวางอันดับหนึ่งได้ หลังเจ้าตัวต้องติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ และอดเดินทางมายังคัมป์นูพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม

เจมส์ มิลเนอร์ มิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ ปัจจุบันลงเล่นในเกมยุโรปให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปแล้วทั้งหมดถึง 7 เกม ซึ่งนั่นหมายถึงเจ้าตัวแทบจะมีส่วนร่วมกับทุกๆเกมในยูซีแอลของต้นสังกัดในฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้

ที่มา : sportsmole.co.uk
เครดิต : http://www.bluemoon-mcfc.in.th

 

ปูโยลชี้ต่างดาวต้องท็อปฟอร์มเท่านั้น! หากคิดจมเรือใบสู่ก้นสมุทร

ปูโยลชี้ต่างดาวต้องท็อปฟอร์มเท่านั้น! หากคิดจมเรือใบสู่ก้นสมุทร

คาเลส ปูโยล ปราการหลังระดับตำนานของ”เจ้าบุญทุ่ม”บาร์เซโลน่า ได้ออกมาชี้ไปยังอดีตต้นสังกัดของตนเอง โดยยืนยันว่าบาร์เซโลน่านั้นจำเป็นที่จะต้องเล่นในระดับที่ท็อปฟอร์มมากที่สุดของตัวเองเท่านั้น หากพวกเขาคิดที่จะสยบทีมอย่าง”เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันแข็งแกร่งในตอนนี้

โดยปัจจุบันปราการหลังดีกรีแชมป์โลกกับทีมชาติสเปน รับงานเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านกีฬาของอันโดนี่ ซูบีย์ซาเล็ตต้า ในถิ่นคัมป์นู นอกจากนี้ปูโยลเองยังเชื่อว่าการเผชิญหน้าของสองทีมในขณะนี้ คือการเผชิญหน้าของสองทีมที่ดีที่สุดในยุโรปในขณะนี้

“มีเวลาและเส้นทางอีกยาวไกลมากกว่าจะถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และแน่นอนว่าหลายๆสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาเหล่านี้ เราต้องอดใจรอจนถึงตอนนั้น และผมเชื่อว่ามันคือการเผชิญหน้าของสองทีมที่ยิ่งใหญ่ในยุโรป และทั้งสองเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม” ปูโยลกล่าวระหว่างพิธีเข้ารับรางวัล ‘ความสำเร็จในอาชีพการค้าแข้ง’ ที่จัดโดยอาส

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีกำหนดการณ์ต้องเปิดรังอิติฮัต สเตเดี้ยม ของตัวเองรับการมาเยือนของทีมดังจากแคว้นคาตาลันก่อนในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ก่อนจะต้องออกไปเยือนคัมป์นูรับแรงกดดันกระหึ่มในช่วงหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง

ที่มา : sportsmole.co.uk
เครดิต : http://www.bluemoon-mcfc.in.th

ปีเตอร์ โดเฮอร์ตี้’ ตำนานผู้ไร้ซึ่งวันตาย

ปีเตอร์ โดเฮอร์ตี้’ ตำนานผู้ไร้ซึ่งวันตาย

ประเภทบทความ: 

ตำนาน

ปีเตอร์ เดอร์มอธ์ โดเฮอร์ตี้ ยอดศูนย์หน้าผู้ไร้ซึ่งวันตายของ”เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของตำแหน่ง”อินไซด์ ฟอเวิร์ด”ใน

ตำนาน (มีลักษณะคล้ายตำแหน่งศูนย์หน้าตัวฟรี แต่นิยามของตำแหน่งนี้ค่อนข้างจะมีความแตกต่างกับปีก โดยจะมีหน้าที่ตัดเข้าใน

และคอยสนับสนุนศูนย์หน้าจากแถวสอง) เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ปี 1913 ณ เมืองคันทรี่ ลอนดอนเดอร์ลี่ ในประเทศไอร์แลนด์

ก่อนจะเสียชีวิตลงอย่างสงบใน โพลตัน เล ไฟลด์, แลงคาเชอร์ในอังกฤษ สิริได้ 76 ปี ซึ่งปัจจุบันหากเจ้าตัวยังคงมีชีวิตอยู่ โดเฮอร์

ตี้เองจะมีอายุขึ้นสู่ 101 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดเฮอร์ตี้ เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ และเคยเป็นผู้จัดการทีมให้กับหลายสโมสรดังในยุคนั้นไม่ว่าจะเป็นดอนคาสเตอร์

โรเวอร์ส, บริสตอล ซิตี้ หรือแม้กระทั้งทีมชาติไอร์แลนด์เหนือของเขาเอง ส่วนในเรื่องชีวิตการค้าแข้งของเจ้าตัวก็เคยสร้างเรื่องอัน

น่าน่าจดจำให้เกิดขึ้น และยากที่จะลืมเลือน

 

โดยเจ้าตัวนั้นเริ่มต้นอาชีพการค้าแข้งของตัวเองอย่างเต็มตัว กับสโมสรเกลนตรัน ในลีกไอริช หลังจากช่วยให้เกลนโตรันเองบรรลุ

เป้าหมายคว้าแชมป์ไอริช คัพ มาครองเจ้าตัว ช่วงต้นฤดูกาล 1933-34 โดเฮอร์ตี้จึงตัดสินย้ายไปเล่นให้กับสโมสรแบล็กพูลใน

อังกฤษ แต่ด้วยอายุเพียง 19 ปี เจ้าตัวกลับทำผลงานได้อย่างน่าพอใจด้วยการทำ 29 ประตู จากการลงเล่น 89 นัดในลีกตลอดช่วง

3 ซีซั่น ก่อนเจ้าตัวจะย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1936 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรในตอนนั้น ถึง 1

หมื่นปอนด์ อย่างไรก็ตามก็มีการเปิดเผยออกมาว่า เจ้าตัวโดเฮอร์ตี้เองได้แสดงความต้องการไปยังสโมสรแบล็กพูลว่าเขาไม่

ต้องการที่จะออกจากทีม หลังเตรียมสละโสดกับสาวท้องถิ่น พร้อมกำหนดการณ์แต่งงานและซื้อเรือนหอหลังใหม่บริเวณใกล้สโมสร

แบล็กพูล

 

อย่างไรก็ตามด้วยความจำเป็นของแบล็กพูลที่ตอนนั้นมีความต้องการเงินอย่างมาก ในการเข้ามาบริหารสภาพคล่องในสโมสร จึงจำ

ใจที่จะขายโดเฮอร์ตี้ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปในที่สุด ทว่าเกมแรกของเขาในการเปิดตัวกับแมนฯซิตี้ที่ต้องพบกับทางเปรสตัน

นอร์ธ เอรน กับทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ โดยเจ้าตัวถูกทางบิล แชงคลีย์ ตำนานของลิเวอร์พูลที่สมัยนั้นยังคงค้าแข้งอยู่กับเปรสตัน

ตามประกบติดจนไม่สามารถสร้างผลงานได้เข้าฟอร์มเลยตลอดทั้งเกม

 

แน่นอนว่า”ตำนานก็คือตำนาน”เจ้าตัวสามารถระเบิดฟอร์มในฤดูกาลต่อมากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้กระนั้นฤดูกาลแรกของเขาจะได้

ลงกับซิตี้ไปเพียง 9 เกม แต่เจ้าตัวก็สามารถทำประตูให้กับ”เดอร์ บลูมูนส์”ไปถึง 4 ประตูด้วยกัน โดยในฤดูกาล 1936-1937 หรือปี

ถัดมาเจ้าตัวก็สามารถสร้างชื่อได้สำเร็จด้วยการทำประตู 30 ลูกจากการลงเล่นเพียง 41 เกม รวมไปถึงซีซั่นต่อมาด้วยโอกาสการลง

เล่นที่เท่าเดิมเจ้าตัวทำประตูไป 23 ประตู และ 17 ประตูจาก 28 เกมในปีถัดมา ก่อนปิดท้ายด้วยซีซั่น 1939-1940 ด้วยการลงเล่น

เพียง 3 เกม ทำ 2 ประตู (ช่วงสงครามโลกทำให้แทบจะทุกๆแมตซ์ไม่มีการบันทึกเป็นสถิติอย่างเป็นทางการไว้)

 

ซึ่งรวมๆทั้งหมดแล้วปีเตอร์ โดเฮอร์ตี้ ทำประตูไปถึง 81 ประตูตลอดการลงสนาม 133 เกม ในถิ่นเมนโรดส์รังเก่าของแมนเชสเตอร์

ซิตี้ แน่นอนว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แม้โดเฮอร์ตี้เองจะต้องเข้าประจำการในกองทัพอากาศ แต่เจ้าตัวก็ยังคงเล่นให้กับ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้อย่างต่อเนื่อง และทำประตูไปถึง 60 ประตู ใน 89 เกมช่วงสงคราม อย่างไรก็ตามก็เป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วง

สงครามนั้นจะไม่มีการบันทึกสถิติใดๆอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นเลย

 

ก่อนฤดูกาล 1945–1946 เจ้าตัวจะตัดสินใจย้ายไปเล่นให้กับดาร์บี้ เคาร์ตี้, ฮัดเดิ้ลฟิลด์ ยูไนเต็ด และดอนคาสเตอร์ โรเวอร์สตาม

ลำดับ อย่างไรก็ตามในปี 1949 แม้เจ้าตัวจะเป็นหนึ่งในนักเตะในของทีมดอนคาสเตอร์ แต่ถึงกระนั้นโดเฮอร์ตี้ก็เข้ารับบทบาทเป็น

กุนซือควบคู่ไปด้วย หลังจากนั้นไม่นานเจ้าตัวก็ไปรับหน้าที่เป็นกุนซือให้กับทีมชาติไอร์แลนด์เหนือต่อในช่วงปี 1951-1962 และนำ

ไอร์แลนด์เหนือเข้าสู่ฟุตบอลโลก 1958 ที่สวีเดน และทะลุเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ทั้งนี้เจ้าตัวเองยังเคยเป็นกุนซือให้กับทีม

บริสตอล ซิตี้อีกด้วย


ชีวิตของเขาหลังจากนั้น ได้กลายเป็นทีมสเการ์ของ”หงส์แดง”ลิเวอร์พูล ยอดทีมแห่งเมอร์ซี่ไซด์ดาร์บี้ ซึ่งผลงานอันเด่นดังของโด

เฮอร์ตี้นั้นก็คือการค้นพบ เควิน คีแกน นักเตะที่กลายมาเป็นตำนานของลิเวอร์พูลในปัจจุบัน

 

แน่นอนว่าผลงานอันยอดเยี่ยมของเขาตลอดเส้นทางการค้าแข้ง ไม่ว่าจะเป็นพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์ลีกในปี 1937 และพา

ดาร์บี้ เคาร์ตี้ เถลิงแชมป์เอฟเอคัพปี 1946 ทำให้สมาคมฟุตบอลอังกฤษตัดสินใจมอบตำแหน่งฮอล ออฟ เฟรม หรือผู้เล่นแห่ง

เกียรติยศให้กับเขาในปี 2002 ทั้งนี้หลังจากการเสียชีวิตของเขาในปี 1990 บ้านเกิดของเขาในมาเกอราเฟลท์, ไอร์แลนด์ก็ได้รับ

การประดับและส่งมอบด้วยโล่เกียรติยศ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนสามารถที่จะแวะเวียนไปเยี่ยมชมกันได้อยู่ ปัจจุบันเปิดเป็นร้านตัดผม.