เรียกว่าหมดข้อสงสัยและความฉงนใจไปโดยทั่วกัน สำหรับคำถามที่ว่า”เซอร์จิโอ อกูเอโร่”หัวหอกพี่บ่าวของ”เรือใบสีฟ้า”แมนเชส
เตอร์ ซิตี้ เป็นหนึ่งในนักเตะท็อปสตาร์ของยุโรปที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในขณะนี้หรือไม่ แน่นอนว่าดาวเตะอาร์เจนติน่าได้ตอบ
คำถามเหล่านั้นด้วยร่ายเวทมนต์อันน่ามหัศจรรย์ สำหรับฤดูกาลที่พึ่งจะผ่านไม่ถึงครึ่งทางเลยด้วยซ้ำ ด้วยฟอร์มการเล่นอันโดดเด่น
พร้อมสังหารประตูไปมากทวีกว่า 19 ประตูจากการลงเล่นเพียง 21 เกม จากทุกรายการการแข่งขัน
นับตั้งแต่เจ้าตัวย้ายจาก”ตราหมี”แอตเลติโก้ มาดริด มาร่วมทัพแมนฯซิตี้เมื่อปี 2011 เจ้าตัวก็สถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในกองหน้าที่มี
อัตราการสังหารประตู ด้วยระยะเวลาค่าเฉลี่ยที่น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างไม่อยากเย็น ด้วยการทำไป
แล้ว 66 ประตูจาก 102 แมตซ์ที่ลงเล่น ซึ่งในซีซั่นล่าสุดที่ผ่านมาแม้เจ้าตัวจะเผชิญกับอาการบาดเจ็บอยู่หลายต่อหลายครั้ง และใน
แต่ละครั้งก็กินเวลาพักยาวนานหลายเดือน แต่ทว่าเจ้าตัวก็สามารถซัดประตูให้กับต้นสังกัดไปถึง 17 ประตู คว้าอันดับที่สี่ในตาราง
อันดับดาวซัลโวไปครอง
ดังนั้นจากข่าวที่ออกมาว่า อกูเอโร่ นั้นเตรียมสลัดรองเท้าสตั๊ดนอนโรงพยาบาลรักษาอาการบาดเจ็บราว 1 ถึง 2 เดือน จากเกมที่
แมนฯซิตี้เอาชนะเอฟเวอร์ตันในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา ก็แลดูจะสร้างผลกระทบให้กับทีมเรือใบสีฟ้าอย่างมากมายมหาศาล แน่นอนว่า
ทางซิตี้เองก็พยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถในการนำพาดาวเตะคนสำคัญรายนี้กลับมาสู่ทีมให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่ถึงกระนั้น
การบาดเจ็บของเขาก็ดูจะกลายเป็นเรื่องที่พบเจอโดยปกติสุขไปเสียไป
แน่นอนว่า ณ ขณะนี้ เขาเป็นต้องพลาดการลงเล่นเกมในช่วงสุดสำคัญอย่างช่วงคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า รวมไปถึงอีกหนึ่ง
เกมในเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกวันพุธที่ผ่านมา และคำถามที่ดูจะค้างคาในใจของเหล่าแฟนคลับหลายต่อหลายคนในขณะนี้คือ แมนฯซิตี้
จะสามารถรับมือเกมเหล่านั้นได้โดยไม่มีเขาหรือไม่?
นับว่าเป็นบททดสอบที่มีความสำคัญยิ่งต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นอย่างมาก ในยามที่กองหน้าชาวอาร์เจนติน่าได้รับบาดเจ็บและต้อง
พลาดการลงสนามในเกมลีก 5-6 เกมเป็นอย่างต่ำ ซึ่งก่อนหน้านี้การขึ้นและไต่อันดับไล่จี้เชลซีหรือเพียง 3 คะแนน ก็ดูแล้วจะเป็น
เครดิตของอกูเอโร่ไปโดยเต็มๆ มันคือด่านสุดหินที่ต้องฝ่าฝันไปอย่างแท้จริงของมานูเอล เปเยกรินี่และลูกทีม ภารกิจของพวกเขา
ในยามที่ไร้เงาของอกูเอโร่จะต้องพบเจอกับทีมอย่างเอฟเวอร์ตัน, อาร์เซน่อล รวมไปถึงกับจ่าฝูงเชลซี ในช่วงกลางเดือนมกราคม
อย่างไรก็ตามในซีซั่นที่ผ่านมา แม้แมนฯซิตี้จะเข้าป้ายและคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ โดยไม่สามารถใช้งานอกูเอโร่ได้กว่าครึ่ง
ฤดูกาล แต่ถึงกระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพวกเขายังคงมีสองดาวเตะที่ต่างพากันพาเหรดซัดประตูอย่างต่อเนื่อง อย่างอัลบาร์โร่ เน
เกรโด้ และเอดิน เซโก้ แต่ทว่าตอนนี้กลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เนเกรโด้ถูกปล่อยยืมตัวให้กับบาเลนเซีย ในขณะที่สเตฟาน
โยเวติซ และเอดิน เซโก้ ต่างช่วยกันทำประตูรวมไปถึงเพียง 8 ประตูจากทุกรายการการแข่งขัน
เป็นความเชื่อมั่นที่ว่าสองดาวเตะรายนี้กำลังจะได้รับโอกาสอย่างมากในการลงสนาม แม้เซโก้เองจะพิสูจน์คุณค่าและความสามารถ
ในการทำประตูของเขาให้เป็นที่ประจักษ์ไปแล้วในช่วงซีซั่นที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้คนไม่น้อยที่ยังคงเรียกหาเนเกรโด้ ซึ่งเมื่อ
เรามองกันตามเนื้อผ้าแล้ว แม้เจ้าตัวจะย้ายไปร่วมก๊วนไอ้ค้างคาวด้วยสัญญายืมตัว แต่ก็เป็นไปได้ยากแล้วที่ดาวเตะรายนี้จะหวนคืน
สู่อิติฮัต สเตเดี้ยม ทั้งทางด้านกฏแฟร์เพล์ยการเงิน รวมไปถึงด้านจิตใจที่เจ้าตัวต้องการจะเยียวยาในบ้านเกิดของตัวเองเท่านั้น
ซาเมียร์ นาสรี่, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ยาย่า ตูเร่ และดาบิด ซิลบา ดาวเตะที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะยังคงมีบทบาทที่สำคัญในการเล่น
เกมรุกของแมนฯซิตี้ต่อไป ภายใต้ขนาบหลังดาวเตะในศูนย์หน้าที่พวกเขามี ดังนั้นไม่ว่าคำตอบของคำถามนี้จะอยู่ที่ขนาดทีม ความ
แข็งแกร่ง หรือคุณภาพอันดันของทีมก็ตามที แมนฯซิตี้พวกเขาก็ยังคงมีอาวุธที่จะรับมือกับคู่ต่อสู้ในยามที่พวกเขาไม่สามารถพึ่งพา
เซอร์จิโอ อกูเอโร่ได้เสมอ.
เครดิต : http://www.bluemoon-mcfc.in.th